Posted on Leave a comment

เปิดใจ ‘อ.ตู่’ นักสู้เพื่อเสรีกัญชา ตีแผ่ปัญหาใต้พรม กฎหมาย-หลอกลวง-กีดกัน หวั่นเจอทางตันกัญชาไทยกฎหมาย-หลอกลวง-กีดกัน หวั่นเจอทางตันกัญชาไทย

ไปฟังบทสัมภาษณ์เปิดใจนักต่อสู้เพื่อกฎหมายกัญชา สหายร่วมรบข้างกาย ‘ลุงตู้’ บิดากัญชาไทย ภายหลังจากได้เข้ายื่นหนังสือร่างพระราชบัญญัติพืชเสพติดให้คุณค่าทางการแพทย์ พ.ศ. . ให้กับ ปปส.ในวันนี้ (7 ก.พ.65) เพื่อสานต่อเจตจำนงค์ลุงตู้ เรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อคเสรีกัญชาเพื่อประชาชนอย่างเท่าเทียม โดยร่วมกับเครือข่ายสมาพันธ์กัญชาเพื่อประชาชนและสหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทยเข้ายื่นหนังฯ
‘เสรีกัญชากับปัญหาใต้พรม’

เสรีกัญชากับปัญหาใต้พรม

พันตำรวจโทหญิงฐิชาลักษณ์ ณรงค์วิทย์ หรือ อาจารย์ตู่ ทีมฝ่ายกฎหมายของพรรคเขียวและเครือข่ายสมาพันธ์กัญชาเพื่อประชาชนเปิดใจกับ Channel Weed Thailand ว่า “นโยบายที่ผ่านมาเหมือนกับหลอกให้ชาวบ้านปลูก ปลูกแล้วขายช่อดอกไม่ได้ ต้องส่งผลผลิตให้รัฐเท่านั้น ชาวบ้านจำนวนมากหลวมตัวมาปลูกแล้วก็ไม่มีตลาดรองรับ ผลผลิตเหลือทิ้งจำนวนมาก ขณะที่กฎหมายใหม่ก็กำหนดค่าใช้จ่ายที่แพงหูฉี่ เกิดความไม่เท่าเทียมทางการแข่งขันของรายเล็กและรายใหญ่ ส่วนด้านบุคลากรการแพทย์เองก็ไม่สั่งจ่ายยากัญชาเพราะอคติส่วนตัว ภาครัฐเองก็ไม่มีความชัดเจนในเรื่องหน่วยงานกำกับดูแลระดับ National Agency เหมือนกับโมเดลที่ต่างประเทศใช้”


ปัญหาของกระบวนการผลักดันกัญชาเสรีในไทยเหมือนกับการ “ติดกระดุมผิดเม็ด” เราไม่ได้ส่งเสริมนโยบายกัญชาจากฐานราก จึงเหมือนกับการเดินขึ้นบันไดแบบข้ามขั้นที่สุดท้ายแล้วอาจพลาดจนไปไม่ถึงเป้าหมาย ที่ผ่านมานโยบายกัญชาไทยเน้นไปที่เชิงเศรษฐกิจ เหมือนกับที่เราได้เห็นบริษัทใหญ่รุมทึ้งอุตสาหกรรมกัญชา เกิดฟาร์มจำนวนมาก ตลาดหุ้นสายเขียวก็เด้งยกกระดาน ขณะที่นายทุนปลูกได้แต่วันนี้ผู้ป่วยที่ปลูกกลับถูกจับและยังคงแน่ชัดว่าคนธรรมดาปลูกไม่ได้ ฝ่ายรัฐก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนที่จะทำให้มันเหกิดขึ้นได้จริง ทั้งที่การปลดล็อคกัญชาทั่วโลกเค้าต้องเริ่มทำกันเป็นขั้นบันใด

ทางตันเสรีกัญชาไทย!?

พรบ.ยาเสพติดฉบับใหม่ที่ถูกเสนอมีปัญหาทั้งในเชิงบังคับใช้จริงและหลักการสากล กล่าวคือ กัญชายังถูกกำหนดให้เป็นยาเสพติดในประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ยส.5) แม้จะระบุใน พรบ.ยาเสพติดฉบับใหญ่ว่าไม่กัญชาอยู่แล้วก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือยังคงมีการตามจับผู้ป่วยที่ปลูกกัญชาเพื่อรักษาตัวเอง ทั้งยังไม่มีแนวทางควบคุมที่ชัดเจนจึงมองว่าแนวทางนี้มันไม่สามารถนำไปใช้ได้จริง คล้ายกับว่าเป็นการ “กำกับดูแลเชิงกีดกัน” นอกจากนี้ พรบ.ฉบับใหม่ยังขัดกับกฎหมายโลกซึ่งถือว่าศักดิ์ใหญ่กว่ากฎหมายไทย โดยเฉพาะอนุสัญญาของ UN ที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องปลดล็อคกัญชาเสรีอย่างมีขอบเขต


“กฎหมายปลดล็อคกัญชาที่ไทยเสนอในวันนี้ เป็นไปได้ยากในเชิงบังคับใช้จริง ทั้งยังเป็นไปได้ยากที่ UN จะอนุมัติให้ไทยดำเนินการ เพราะเป็นการปลดล็อคแบบไร้หลักการและการกำกับดูแลที่ชัดเจน ตลอดจนไม่เป็นไปตามแนวทางที่ประเทศอื่นได้ดำเนินการ ทั้งยังเชื่อว่าอาจไม่สามารถประกาศใช้จริงได้ทันรัฐบาลชุดนี้ จากปัจจัยทางการเมืองที่ไม่มั่นคง อีกทั้งระยะเวลาดำเนินการที่มากเพราะต้องผ่านหลายด่านตั้งแต่คณะกรรมการไปจนถึงรัฐสภา”


“กฎหมายภาคประชาชนที่เคยเสนอไปเหตุใดจึงไม่ยอมรับฟังบ้าง เหตุใดไม่นำหลักการที่ประชาชนเสนอไปบรรจุใน พรบ.ยาเสพติดฉบับใหม่ อยากให้ท่านฟังเสียงประชาชนบ้าง เพราะเป็นแนวทางกัญชาเสรีแบบที่สายเขียวต้องการ แต่วันนี้เราได้เห็นแต่นโยบายกำกับเชิงกีดกันที่ไม่เป็นธรรม คล้ายการกักขังผลประโยชน์กัญชาไว้กับคนเพียงไม่กี่กลุ่ม แต่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเชิงนโยบายของท่าน” อาจารย์ตู่กล่าว


กัญชาไทยต้องเสรี…แต่มีขอบเขต

พันตำรวจโทหญิงฐิชาลักษณ์ ฝากไปถึงความในใจไปถึงสายเขียวทั่วประเทศในประเด็นกัญชาสันทนาการว่า อยากย้ำว่ากัญชาไทยเสรีต้องมีขอบเขต การบริโภคกัญชาจำเป็นต้องมีกฏเกณฑ์ควบคุม ไม่สามารถสูบกัญชาเสรีแบบที่คิดกันได้ ประกอบกับ กัญชาคือหนึ่งในโฆษณาชวนเชื่อที่ยาวนานในสังคมไทย ความเชื่อความกลัวล้วนเกิดจากศรัทธามิใช่ความรู้ จึงอยากให้สายเขียวทุกคนช่วยกันถ่ายทอดความรู้เรื่องกัญชาในทางที่ดีไปสู่สังคมเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัญ เวลานี้ถือเป็นช่วงที่สายเขียวจะต้องเข้มแข็งสามัคคีเป็นกลุ่มก้อนร่วมกับติดตามตรวจสอบนโยบายปลดล็อคกัญชาเสรีของบ้านเราให้ตกไปถึงมือประชาชนโดยแท้จริง ยืนยันว่ากัญชาไทยได้เสรีแน่ๆแต่อาจไม่ใช่ปีนี้


ส่วนประเด็นเรื่องการปลดล็อค THC นั้น แน่นอนว่าสายเขียวทุกคนต้องเห็นด้วย แม้จะมีเงื่อนไข THC ห้ามเกิน 0.2% ของ UN แต่ประเทศเราสามารถเปิดโซนเสรี THC ได้เป็น Sandbox หากชี้แจงว่าเป็นโซนเพื่อใช้สารมึนเมาเพื่อผลประโยชน์เชิงการแพทย์ยอ่มทำได้แน่นอน อีกทั้งภาคประชาชนก็มีงานวิจัยยืนยันได้ว่า THC รักษาผู้ป่วยหายได้มากกว่า 88% เป็นข้อมูลเชิงวิชาการที่ประจักษ์ตรวจสอบได้จัดทำโดยภาคประชาชนกัญชา


ฮึ่ม! ม็อบสายเขียวนับพันคน เตรียมยกพลเรียกร้องปลดล็อคเสรี

อ.ตู้ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนแรกในวันนี้ที่ได้ไปยื่นหนังสือจะมีเครือข่ายพยาบาลและบุคลากรสายเขียวของแต่ละจังหวัดจำนวน 77 จังหวัด รวมทั่วประเทศก็คงเกือบ 1000 คน ซึ่งจะมีการส่งตัวแทนเข้ามากรุงเทพเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในนโยบายกัญชา เพราะที่ผ่านมายังไม่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากพอ ทว่าดิฉันได้หยุดเอาไว้ก่อนเพราะเกรงว่าจะขัดกับกฎหมายเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้นไม่แน่ว่าถ้าเสียงประชาชนยังถูกรับฟัง พวกเขาอาจออกมาแสดงตัวเพื่อรวมพลังกัญเรียกร้องก็เป็นได้

Posted on Leave a comment

เตือนผู้ประกอบการอาหารกัญชา ระวังมิจฉาชีพแอบอ้างหลอกเงิน

อย. พบมิจฉาชีพแอบอ้างหลอกผู้ประกอบการที่ต้องการต่อยอดธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเกี่ยวกับกัญชา กัญชง โดยเรียกค่าสลักหลังใบอนุญาตสูงถึง 200,000 บาท ยืนยัน อย.ไม่มีการเรียกรับเงิน

นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่า มีมิจฉาชีพดำเนินการหลอกลวงผู้ประกอบการที่ต้องการต่อยอดธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเกี่ยวกับกัญชาและกัญชง โดยมีการเรียกรับค่าสลักหลังใบอนุญาต จำนวน 200,000 บาท และมีการระบุว่าต้องใช้สารสกัดกัญชาและกัญชงจากแหล่งใดด้วยนั้น

Posted on Leave a comment

อนุทินชงเปิดแอปฯจดแจ้งปลูกกัญชา ย้ำหนุนเต็มที่ปลูกในครัวเรือน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า แนวทางการขอจดแจ้งปลูกกัญชาเพื่อใช้ในครัวเรือนนั้นจะพิจารณาเปิดแอพพลิเคชั่นเพื่อใช้จดใบแจ้งการปลูกกัญชาเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงใบจดแจ้ง จากเดิมที่ต้องไปจดแจ้งกับผู้ใหญ่บ้าน/นายอำเภอ/สำนักงานเขต/ผู้ว่าราชการจังหวัด


สำหรับการบริโภคช่อดอกกัญชานั้น นายอนุทินย้ำว่า กัญชาทั้งลำต้นถูกกฎหมายทุกส่วน เพราะฉะนั้นการนำส่วนต่างๆมาบริโภค เช่น การปรุงอาหาร การใช้เป็นยารักษาโรค จึงไม่ผิดกฎหมาย เป็นการใช้ในครัวเรือนย่อมทำได้ โดยการจดแจ้งไม่มีค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น

“ศุภชัย” ยืนยัน พ.ร.บ.กัญชากัญชง ประชาชนจดแจ้งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมสักบาท อีก 120 วันปลูกได้


“สิ่งที่ยังเป็นยาเสพติดมีเฉพาะ สารสกัดกัญชา กัญชง ที่มีค่า THC สูงกว่า 0.2% ของน้ำหนัก ที่ต้องย้ำคือคำว่า สารสกัด ที่หมายถึงต้องผ่านกระบวนการสกัด ส่วนหากจะปลูกในเชิงอุตสาหกรรมจำเป็นต้องขออนุญาต” นายอนุทินกล่าว


อย่างไรก็ตามด้านการตรวจสอบควบคุมผู้ปลูกกัญชาในครัวเรือนนั้นเมื่อมีการลงทะเบียนแจ้งจำนวนปลูกผ่านแอพพลิเคชั่นแล้วจะมีใบรับรองดิจิทัลในมือถือเพื่อเป็นหลักฐานทางราชการ เมื่อฝ่ายเจ้าหน้าที่ เข้าไปตรวจสอบจะมีการเรียกดู หากพบว่าไม่เป็นใปตามที่อนุญาตหรือมีการกระทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการกฎหมายถือเป็นมาตรการเพื่อกำกับดูแล เช่น การครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจำคุก 1-3 ปี ปรับสูงสุด 300,000 บาท


หลังจากนี้จะมีการกำหนดรายละเอียดว่าอนุญาตให้ปลูกและครอบครองเพื่อใช้ในครัวเรือนได้เท่าไหร่ ซึ่งในต่างประเทศอนุญาตให้พกช่อดอกกัญชาไปในที่สาธารณะได้ไม่เกิน 1 ออนซ์ (28 กรัม) ขณะที่การปลูกกัญชาเชิงพาณิชย์ ปลูกฟาร์มขนาดใหญ่ สิบไร่ ร้อยไร่ หรือเป็นการผลิตอุตสาหกรรมและนำเข้าส่งออกนั้นต้องจดใบอนุญาตมีค่าธรรมเนียมตั้งแต่ 5,000-100,000 บาท เช่น ใบอนุญาตจำหน่าย 5,000 บาท หรือ ใบอนุญาตปลูก 50,000 บาท อายุใบอนุญาตอยู่ที่ 3 ปี

ขอบคุณที่มาแหล่งข้อมูล Like Anutin

Posted on 1 Comment

พรบ.กัญชา กับกระแสสังคมที่ผลักดันอยู่ข้างหลัง

พรบ.กัญชา เดิมพันเก้าอี้ทางการเมือง

พรบ. กัญชา ที่กำลังส่งร่างเข้าสภาของพรรคภูมิใจไทยนั้น มีจุดเริ่มต้นมาจาก แกนหลักรัฐบาลเริ่มมองมาที่ความล้มเหลวของ ภูมิใจไทยในการทำนโยบายกัญชา จึงเริ่มเกิดกระแสการเคลื่อนไหวเพื่อนำนโยบายกัญชาไปต่อยอดโดยรัฐบาลหลัก

ปลูกกัญชาไม่ผิดกฏหมาย

พรรคภูมิใจไทยจึงต้องเคลื่อนไหว ออกมายืนยันถึงความคืบหน้าในปลดล๊อกกัญชา ว่าได้ทำผลงานให้ชัดเจนต่อสาธารณะชนแล้วด้วยการถอดกัญชาออกจาก ประเภท 5 ของ พรบ. ยาเสพติดอันตราย นั่นหมายถึงกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดอีกต่อไป

‘ศุภชัย’ ประกาศชัด ปลูกกัญชาไม่ผิด กม.ตั้งแต่ 9 ธ.ค.64 ลั่นใครโดนจับ โทรหาพรรคภูมิใจไทย

ประชาชนปลูกกัญชาได้ แต่ห้ามใช้กัญชานันทนาการ ตาม พรบ.กัญชา อย.

แต่ก็มีหลายฝ่ายมาแย้งเพื่อหาความชัดเจนในการปฏิบัติงาน เรียกร้องให้มีการร่างกฏหมายให้ชัดเจนลดความสับสนใจการปฏิบัติหน้าที่ จึงได้มีการเสนอให้ทำร่าง พรบ.กัญชา ขึ้นมาเพื่อสร้างความชัดเจน

โดยมี อย.เป็นแม่งานในการ ร่าง พรบ.กัญชาขึ้นมาและเสนอต่อสังคม ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า พรบ.กัญชา ใหม่จะเป็นไปตามเนื้อหา พรบ.ของ อย. ซึ่งมีเงื่องไขข้อจำกัดแบบกฏหมายกัญชาเดิม จึงเกิดความเชื่อขึ้นมาว่าหลังปลดล๊อคแล้วจะกลับเป็นแบบเดิมแน่ๆ ร้อนไปถึง ภูมิใจไทยเจ้าของนโยบายต้องรีบออกมาสร้างความชัดเจนโดยออก พรบ.กัญชา แล้วส่งเข้าไปสู่สภาและเปิดร่างเนื้อหาของ พรบ.กัญชา ให้สาธารณะชนรับรู้

อย.เตรียมประชาพิจารณ์ร่าง “พ.ร.บ.กัญชง-กัญชา” ย้ำปลูกในบ้านต้องขออนุญาต

พรบ.กัญชา กับกลุ่มผู้เสียประโยชน์

แต่ความสับสนยังไม่หมดลงง่าย หลายฝ่ายยังปักใจเชื่อว่าสุดท้ายสถานการณ์กัญชาจะกลับมาเป็นไปตาม พรบ.กัญชา ของ อย. อยู่ดี ประกอบกับมีกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์เริ่มออกมาส่งเสียงขัดขวางพรบ.กัญชาฉบับนี้ หยิบยกเอาประเด็นข้อจำกัดต่างๆทั้งจากในพรบ.กัญชาอย. กฏกระทรวงกัญชาฉบับเก่า และ พรบ.กัญชาภูมิใจไทย มาขยายความ จริงบ้างเท็จบ้าง สร้างความเข้าใจผิด ลดความเชื่อมั่นเพื่อขวางไม่ให้ พรบ.กัญชา ฉบับนี้สำเร็จได้

กลุ่มค้าน พรบ.กัญชา กัญชง ล้วนผู้เสียประโยชน์ วิญญูชนจอมปลอม*นายทุน*หมอนักตะแบง ?

พรบ.กัญชา ในมุมมองภาคประชาชน

ภาคประชาชนหลายส่วนเริ่มเห็นออกมาจับตาดูกลัวว่าสุดท้าย พรบ.กัญชา ใหม่อาจมีเนื้อหาที่เกษตรกรจะไม่ได้ประโยชน์ สุดท้ายนายทุนใหญ่ใช้ใช้ พรบ.กัญชาในการที่จะผูกขาด มองว่าไม่ควรเชื่อใจให้พรรคการเมืองทำพรบ.กัญชา เพียงลำพังจึงเริ่มเดินหน้าร่าง พรบ.กัญชา ภาคประชาชน เพื่อเตรียมเสนอเข้าไปเมื่อ พรบ.กัญชาของภาครัฐนั้นไม่ตอบโจทย์ของประชาชน

หลายฝ่ายประเมินตรงกันว่าถ้าหลุดกรอบ120วันนี้ไปจะยุ่งขิงยิ่งกว่าเก่า เพราะการทำ พรบ.กัญชา ขึ้นใหม่โดยเริ่มจากภาคประชาชนอาจกินเวลามากกว่า 1 ปี อาจติดขัดจนไปถึงต้องใช้การเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งจะต้องใช้นโยบาย พรบ.กัญชา ของแต่ละพรรคมาวัดกันในการหาเสียง

สุดท้ายระหว่างที่ต้องรอพรบ.กัญชาประกาศใช้ ผู้ป่วยจะยังคงเข้าถึงยากัญชาไม่ได้ ผู้ใช้กัญชายังตกเป็นอาชญากร ธุรกิจก็ยังคงต้องจมอยู่กับตลาดผูกขาดต่อไป แถมยังทำกำไรไม่ได้เพราะเมื่อดอกขายไม่ได้ อุตสาหกรรมกัญชาก็มิอาจเติบโต สุดท้ายรัฐและประเทศชาติเองก็จะไม่ได้อะไรจากกัญชาเลย ถ้าไม่เร่งทำ พรบ.กัญชา โดยมีเนื้อหาเพื่อประชาชน สุดท้ายทุกคนก็จะเสียของไปปล่าวๆ

Posted on Leave a comment

กัญชาล้นตลาด ราคากัญชาร่วงระนาว 90% เหตุผลผลิตจ่อล้นตลาด

รายงานพิเศษของสำนักข่าว ThaiPBS ระบุว่า ราคาใบกัญชาสดเคยสูงมากถึงกิโลกรัมละ 15,000 บาทในช่วงเริ่มปลดล็อค แต่ปัจจุบันราคาร่วงลงมาเหลือเพียงกิโลกรัมละ 1,000 บาท คิดเป็นการลดลงมากกว่า 90% เช่นเดียวกับราคารากกัญชาลดลงเหลือเพียงกิโลกรัมละ 2,000 บาท จากเดิมที่กิโลกรัมละ 45,000 บาท

สอดคล้องกับรายงานข่าวจากวิสาหกิจชุมชมที่ได้รับอนุญาตการปลูกกัญชา จังหวัดนครพนม ระบุว่า “ราคาซื้อขายแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน แต่ลดลงเฉลี่ย 30-50% เพราะมีผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตปลูกกัญชาเพิ่มขึ้นมาก ส่วนราคาช่อดอกที่ขายให้องค์การเภสัชกรรมหรือกรมการแพทย์ราคาไม่ผันผวน มีการกำหนดราคาชัดเจนตามเปอร์เซ็นต์สารสกัด CBD และปริมาณสาร THC”

ด้านชาวบ้านวิสาหกิจชุมชนบ้านแป้น จ.สกลนคร กล่าวว่า ถ้านโยบายกัญชาจะออกมาเป็นแบบนี้ ก็อย่าให้ชาวบ้านปลูก อย่ามาให้ปลูกแล้วต้องมาเจอแบบนี้ (ปลูกแล้วขายไม่ได้) จนกว่ากฎหมายจะปลดล็อคว่าเสรีจริงๆ ตอนนี้ยังไม่เสรี มันยังมีติดขัดอีกเยอะ เราอยากให้รัฐช่วยเรื่องการตลาดด้วย ทราบข่าวมาว่าในจังหวัดสกลนครจะมีการจดทะเบียนฟาร์มกัญชาอีกมากกว่า 100 แห่ง หากภาครัฐยังไม่ส่งเสริมช่องทางการขาย ก็ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร

ขณะที่นายณธกร ทัศนัส ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและนวัตกรรมพืชกัญชาและพืชเสพติดสมุนไพรทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร แสดงความเห็นว่า ผู้ปลูกมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณกัญชาออกมาในตลาดมากขึ้น ขณะที่ดีมานด์ผู้บริโภคเริ่มลดลงหลังจากเคยทดลองกินดื่มแล้วอาจไม่เห็นความแตกต่าง ส่งผลให้การซื้อขายมีราคาลดลง

ทั้งนี้รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยเอกสารซื้อขายกัญชาในส่วนที่ไม่ใช่ยาเสพติดจากระบบ อย. (ณ 21 ธ.ค. 2564) 3,857 ฉบับ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายกัญชาแยกตามส่วนของพืช (กรัม) แบ่งเป็นใบ 7,130,171.47 กรัม ลำต้น 1,182,098.62 กรัม ราก 839,943.96 กรัม กิ่งชำ 432,370.00 กรัม ผงใบกัญชา 501.70 กรัม และช่อดอก 181.00 กรัม

และมีการนำส่วนของกัญชามาใช้ประโยชน์ แบ่งเป็น 5-6 กลุ่ม อันดับแรก อาหาร 6,031,020.53 กรัม คิดเป็น 62.92% ถัดมาเป็นการนำไปใช้เป็นส่วนประกอบอาหาร-เครื่องดื่ม อาทิ เครื่องเทศ และก๋วยเตี๋ยว และนำไปเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์สมุนไพร 1,563,127.22 กรัม หรือ 16.31% ส่วนตำรับยาแผนไทย 1,226,709.00 กรัม หรือ 12.8% ทั้งนำไปใช้กับเครื่องสำอาง 595,484.00 กรัม หรือ 6.21% ทั้งเป็นส่วนผสมของสกินแคร์ ผลิตภัณฑ์ขัดผิว แชมพู ครีมทาหน้า สบู่ และท้ายที่สุดนำไปศึกษาวิจัย

Posted on Leave a comment

ลุงตู่ ฟุ้งกัญชาไทยสำเร็จแล้ว ต่อยอดเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้เกษตรกร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวเปิดงาน ‘กัญชานำไทย สมุนไพรสร้างชาติ’ ระบุว่า รัฐบาลไทยสามารถสนับสนุนเรื่องกัญชาและกัญชงได้สำเร็จ เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้เห็นสมุนไพรไทยเป็นรากฐานทางเศรษฐกิจทำให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมต่างๆ เพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสมุนไพรไทย

เป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องกัญชาและกัญชงไทยที่ได้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล (หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย) เป็นผู้ผลักดันเรื่องนี้มา ประกอบกับรัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศไปพร้อมกับการยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพและมีมาตรฐานสูง สร้างความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในระดับสากลเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เราควรจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดมีทั้งคุณและโทษมีประโยชน์ แต่ก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้นในการใช้ เพราะขณะนี้ทุกประเทศในโลกให้ความนิยม และให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการเพาะปลูกพืชเหล่านี้ แต่ไม่ใช่แค่เฉพาะกัญชงและกัญชา ยังมีพืชสมุนไพรอีกหลายอย่างที่มีศักยภาพ เราจะต้องหารายได้จากความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย

“ทุกวันนี้จึงขอให้ทุกคนไปใคร่ครวญให้ดี มีสติ ทบทวนคิดดูว่าประเทศไทยมีอะไรที่ก้าวหน้าไปแล้วบ้าง หลายอย่างอาจจะมองไม่เห็น แม้ว่าจะใช้งบประมาณมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยมีรายได้สูงขึ้น เพิ่ม GDP ของประเทศไทยได้มากขึ้น เพื่อนำเงินเหล่านี้มาพัฒนาประเทศ ทั้งการลงทุน ดูแลผู้มีรายได้น้อย ซึ่งใช้เงินมากขึ้นตามลำดับมีทุกปีหากแก้ไขปัญหาความยากจนไม่ได้ ก็จะใช้งบประมาณส่วนนี้เกินไปเรื่อยๆ รัฐบาลจึงมุ่งมั่นที่จะดูแลทุกคน แต่จะต้องมีงบประมาณที่เพียงพอ วันนี้เรามาสร้างมูลค่าเพิ่มของเราด้วยสมุนไพร เพื่อให้มีรายได้เข้าประเทศอีกจำนวนมาก รัฐบาลมีรายได้จากการส่งออกและเก็บภาษีเท่านั้น รัฐบาลพยายามลดปัญหาการขาดดุลในการจัดทำงบประมาณรายปี” นายกรัฐมนตรีกล่าว

Posted on 1 Comment

เปิดตัว ขนมขบเคี้ยวผสมใบกัญชา รายแรกของไทย


บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดตัวขนมขาไก่ผสมกัญชารายแรกของไทย คลอดผลิตภัณฑ์ใหม่ขนมรูปน่องไก่โลตัส ผสมใบกัญชา รสบาร์บีคิว เริ่มวางจำหน่ายที่ห้างโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2564 นี้ เป็นต้นไป โดยจำหน่ายในราคาซองละ 30 บาท ซึ่งจะสร้างสีสันให้ตลาดขนมขบเคี้ยว เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ ต้องการลิ้มรส และได้รับสรรพคุณของกัญชาที่ช่วยเพิ่มความอร่อยกลมกล่อม จึงถือเป็นผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวรายแรกในประเทศไทย ที่ได้นำใบกัญชามาเป็นส่วนผสม โดยได้รับอนุมัติอย่างถูกต้อง


“จากการปลดล็อคพืชเศรษฐกิจประเภทกัญชา จึงได้นำมาต่อยอดโดยใช้ใบกัญชามาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งจากการสำรวจความต้องการของผู้บริโภค และการสำรวจตลาดพบว่าผู้บริโภคเปิดใจรับขนมผสมกัญชามากกว่าที่คิด จึงมั่นใจว่าเมื่อขนมโลตัสที่ผสมใบกัญชาวางขายในตลาดแล้ว จะได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างดี และช่วยกระตุ้นยอดขาย สร้างรายได้เพิ่ม ขณะที่ขนมน่องไก่โลตัส ผสมใบกัญชาเป็นสินค้าที่มีความสามารถทำกำไรระดับสูง ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผลงานไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เติบโตทุบสถิติและเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า” รองกรรมการผู้จัดการบริษัทกล่าว

Posted on Leave a comment

ประยุทธ์’ ตั้งเป้าดันไทยปักหมุดฮับสมุนไพรโลกภายในปี 2580

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานกัญชานำไทย สมุนไพรสร้างชาติ ระบุว่าภายในปี 2580 ไทยตั้งเป้าจะเป็นศูนย์กลางส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรของโลก หรือ World Herb Hub เน้นสร้างมูลค่าสมุนไพรไทยรวมทั้งกัญชาและกัญชง ทั้งยังต้องการให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก ปั้นผลิตภัณฑ์สมุนไพรระดับโลกที่สร้างชื่อเสียงและรายได้ให้กับประเทศชาติ

“วันนี้เราได้เห็นถึงคุณค่าสมุนไพรไทย เรามีตำรับยาแผนโบราณมากกว่า 1000 ตำรับ ศาสตร์แพทย์พื้นบ้านคือรากฐานของการรักษามาตั้งแต่สมัยโบราณสามารถนำศาสตร์มาแก้ไขปัญหาสุขภาพได้ในโลกยุคปัจจุบันได้ เราต้องเร่งพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจำหน่ายและส่งออก” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การพัฒนาสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพสูงสร้างความเชื่อมั่นในตลาดโลกที่กำลังเป็นที่ต้องการ จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรควบคู่ไปกับการสร้างอาชีพให้ชุมชน นำไปสู่การแก้ปัญหาความยากจนแบบยั่งยืน ตนมองเห็นโอกาสของตลาดการท่องเที่ยวเชิงสมุนไพรเช่นเดียวกับศักยภาพที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)

Posted on Leave a comment

ลุยจดทะเบียน “ไทยสติ๊ก” เป็นมรดกโลก-ภูมิปัญญาทรงคุณค่าของชาติ

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เตรียมเสนอองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) จดทะเบียน กัญชาอัดแท่งด้ายแดง หรือ ThaiStick หนึ่งในตำรับกัญชาพันธุ์ไทยที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก จึงเหมาะกับการขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยในหมวด ‘มรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่จับต้องไม่ได้’ ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีการใช้ในวิถีชีวิต วัฒนธรรมของประชาชนทั่วทุกภาคในการนำกัญชามาใช้ และกัญชาไทย

การอบน้ำผึ้งแบบไทย (รายละเอียดในลิ้ง)

สำหรับขั้นตอนดำเนินการนั้นคาดว่ากระทรวงวัฒนธรรมจะดำเนินการขึ้นทะเบียนได้ภายในเดือนมี.ค.2565 จากนั้นจะดำเนินการขอขึ้นทะเบียนต่อองค์การยูเนสโก เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นเป็น “มรดกทางวัฒธรรมที่จับต้องไม่ได้” เพื่อให้เป็นมรดกโลกต่อไป อย่างไรก็ตาม Thai Stick ป็นการนำช่อดอกกัญชามามัดกับไม้เหมือนแท่งไอติม และถ้ามีคุณภาพดีๆ จะพันด้วยด้ายแดง เรียกว่ากัญชาด้ายแดง เป็นเครื่องหมายพรีเมี่ยมเกรด แต่จากนี้จะทำให้ยกระดับมากขึ้น หากสามารถจดทะเบียนได้สำเร็จจะช่วยให้ทั่วโลกยอมรับกัญชาที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทยได้ สำหรับการจดทะเบียนดังกล่าวเตรียมสายพันธุ์กัญชาไทยไว้ราว 30 สายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์ท้องถิ่นจากบุรีรัมย์ คือ ฝอยทองภูผายลให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัด ซึ่งจริงๆ ยังมีกัญชาสายพันธุ์อื่นๆ ในแต่ละภูมิภาคอีกด้วย

ค้นเจอตำนานไทยสติ๊กของจริง


“จะเสนอเป็นภาพรวม โดยรวบรวมข้อมูลประโยชน์จากการใช้กัญชาของไทยเสนอต่อองค์การยูเนสโก รวมทั้งประวัติศาสตร์การใช้กัญชาของไทยทั้งหมด และจะมีข้อมูลดีเอ็นเอกัญชาสายพันธุ์ไทย ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อนนำเสนออีกทางหนึ่ง” รองอธิบดีกรมการแพทย์ฯ กล่าว

ทั้งนี้ Thai Stick กัญชาไทยแท้ ถูกยกให้เป็นสายพันธ์ที่ดีสุดในโลก ด้วยค่า THC สูงสุดและให้ผลการรักษาโรคได้มากที่สุด ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลกในยุคสงครามเวียดนาม สมัยที่ทหารอเมริกันเข้ามาตั้งฐานทัพในบ้านเราหรือเรียกว่า จี.ไอ. หากเปรียบความนิยมเป็นเหล้า Thai Stick คงเหมือนกับตระกูล Johnnie Walker ไม่ว่าจะไปร้านเหล้าแห่งไหนบนโลก คุณก็มักจะพบเจอมันในเมนู

Posted on 1 Comment

เผยยอดผู้ป่วยกัญชาพุ่ง 300% ป่วยนอนไม่หลับ-ปวดเรื้อรัง ติดอันดับสูงสุด

กระทรวงสาธาณสุขเปิดเผยยอดตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในคลินิกกัญชาของภาคเหนือ พบว่ามียอดผู้ป่วยที่ขอใช้กัญชารักษาเพิ่มขึ้นแตะ 300% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา โดยพบว่ากลุ่มอาการโรคนอนไม่หลับมีสัดส่วนมากที่สุดเกือบ 30% คิดเป็นจำนวน 2,475 คน รองลงมาคือโรคปวดเรื้อรังมีสัดส่วน 23% คิดเป็น 1,639 คน และโรคมะเร็งเป็นอันดับที่สามครองสัดส่วน 17% คิดเป็นจำนวน 1,137 คน อย่างไรก็ตามตัวเลขสถิติยอดผู้ป่วย Palliative Care เพิ่มสูงขึ้น 299% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน สำหรับการจัดอันดับผู้ป่วยกัญชาในภาคเหนือที่มีผู้เข้ารักษามากสุดคือจังหวัดลำพูน จังหวัดแพร่ และจังหวัดน่านตามลำดับ จากปริมาณจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือทั้ง 9 แห่ง

ด้านรายงานข่าวระบุว่า การประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ครั้งล่าสุดนั้นที่ประชุมมีการพูดคุยในประเด็นที่สำคัญหลายประการ ได้แก่ ทั้งการพัฒนาระบบการจัดซื้อกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชา ผลงานเด่นของเขตสุขภาพ ระบบข้อมูลการใช้ยากัญชา ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ การรับรู้และตอบสนองต่อข่าวสารด้านกัญชา โอกาสทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศของ plant basedd protien จากกัญชง การพัฒนาระบบกำกับการดูแลอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ทีกัญชาและกัญชงเป็นส่วนผสม และ business model

ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการขับเคลื่อน หน่วยงานภายในกระทรวงสาธารณสุข ภาคีเครือข่ายนอกกระทรวงสาธารณสุข ทั้งกระทรวงยุติธรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สถาบันอาหาร และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่ทำให้การขับเคลื่อนกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว กระทรวงสาธารณสุขในฐานะเจ้าภาพในการขับเคลื่อนได้รับฟังและติดตามสถานการณ์จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเกษตรกร เพราะเราปักหมุดแล้วว่า เราจะเดินหน้ากัญชาไปเป็นพืชเศรษฐกิจ เราต้องการเห็นความมั่นคั่งอย่างถ้วนหน้า ให้คนทุกกลุ่มได้มีโอกาสเข้าถึงเท่าๆ กัน